Volatility Skew และ Term Structure

Volatility Skew และ Term Structure

ในโลกของ Options เทรดเดอร์ที่เข้าใจ Volatility Skew และ Term Structure อย่างลึกซึ้งสามารถเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับความคาดหวังของตลาดได้อย่างชัดเจน และสร้าง Edge ในระยะยาวได้ดีกว่าเทรดเดอร์ทั่วไป

หัวข้อนี้จะเจาะลึกความหมายของทั้ง Skew และ Term Structure พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงและการเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ Option แบบต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


1. Volatility Skew - การวิเคราะห์ความไม่สมมาตรของ IV ตาม Strike Price

Volatility Skew คืออะไร?

Volatility Skew คือปรากฏการณ์ที่ค่า Implied Volatility (IV) ของ Options ที่มี Strike Price ต่างกันมีค่าไม่เท่ากัน แม้จะมี Expiration เดียวกัน ซึ่งแสดงถึง “อคติ” หรือ “ความไม่สมมาตร” ของตลาดต่อการคาดการณ์ราคาของสินทรัพย์อ้างอิง

หากพิจารณาตามทฤษฎี Black-Scholes ดั้งเดิม IV ควรเท่ากันทุก Strike แต่ในโลกความเป็นจริง เราพบว่า IV มีการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสะท้อนความต้องการและความกลัวของตลาดได้เป็นอย่างดี

ในหุ้นส่วนใหญ่ Put Options ที่ Strike ต่ำกว่า (Out-of-the-Money) มักมี IV สูงกว่า Call Options → แสดงว่าตลาดมีความกลัวด้านล่างมากกว่าด้านบน

นี่เป็นผลมาจาก “Crash Risk Premium” ที่นักลงทุนยอมจ่ายแพงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการร่วงลงอย่างรุนแรง


ประเภทของ Skew และการตีความ

1. Smile Skew (Volatility Smile)

  • ลักษณะ: IV ต่ำสุดที่ ATM (At-the-Money) และสูงขึ้นทั้งฝั่ง OTM Call และ OTM Put
  • การตีความ: ตลาดกำลังคาดการณ์ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
  • พบในตลาด: FX (เงินตรา), Commodities (สินค้าโภคภัณฑ์), บางช่วงในตลาดหุ้นหลังวิกฤติ
  • ตัวอย่าง: ในตลาด Gold Futures มักพบ Smile Skew เมื่อมีความไม่แน่นอนจากนโยบายธนาคารกลาง ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวรุนแรงได้ทั้งสองทิศทาง

volatility-smile

2. Smirk Skew (Put Skew หรือ Negative Skew)

  • ลักษณะ: OTM Put มี IV สูงกว่า OTM Call อย่างมีนัยสำคัญ
  • การตีความ: ตลาดกังวลเรื่องการร่วงลงมากกว่าการปรับตัวขึ้น (Downside Risk)
  • ความรุนแรงของ Skew: ยิ่งความชันสูง ยิ่งแสดงถึงความกลัวในตลาดที่มากขึ้น
  • พบในตลาด: หุ้นและดัชนีหุ้นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหวั่นวิตก
  • ตัวอย่าง: S&P 500 มักมี Put Skew ชัดเจน โดยเฉพาะหลังตลาดปรับตัวขึ้นมาเร็วหรือในช่วงที่มีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

smirk-skew

3. Reverse Skew (Call Skew หรือ Positive Skew)

  • ลักษณะ: OTM Call มี IV สูงกว่า OTM Put
  • การตีความ: ตลาดคาดการณ์โอกาสปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง หรือกลัวการ Short Squeeze
  • พบในตลาด:
    • หุ้น Biotech ก่อนประกาศผล FDA
    • หุ้นที่มีข่าวลือเรื่องการควบรวมกิจการ (M&A)
    • หุ้นที่มี Short Interest สูง
  • ตัวอย่าง: หุ้น GameStop (GME) ในช่วง Short Squeeze มี Call Skew สูงมาก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการที่ผู้เล่น Short ต้องปิด Position

การวัดความรุนแรงของ Skew

นอกจากการดูกราฟโดยรวมแล้ว เราสามารถวัดความรุนแรงของ Skew ได้หลายวิธี:

  1. Skew Ratio: อัตราส่วนระหว่าง IV ของ OTM Put กับ OTM Call ที่ระยะห่างจาก ATM เท่ากัน

    Skew Ratio = IV(25 Delta Put) / IV(25 Delta Call)
    • ค่า > 1 แสดงถึง Put Skew
    • ค่า < 1 แสดงถึง Call Skew
    • ยิ่งค่าห่างจาก 1 มาก แสดงถึงความรุนแรงของ Skew ที่มากขึ้น
  2. Risk Reversal: ความแตกต่างของ IV ระหว่าง OTM Put และ OTM Call

    Risk Reversal = IV(25 Delta Put) - IV(25 Delta Call)
    • ค่าเป็นบวก = Put Skew
    • ค่าเป็นลบ = Call Skew
  3. SKEW Index: ดัชนีที่ CBOE คำนวณจาก S&P 500 options เพื่อวัด Tail Risk

    • SKEW Index > 150 = ตลาดกังวลการร่วงแรงมาก
    • SKEW Index < 110 = ตลาดไม่กังวลการร่วงแรง

การตีความการเปลี่ยนแปลงของ Skew

การเปลี่ยนแปลงของ Skewการตีความสัญญาณทางเทคนิค
Put Skew เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นตลาดเริ่มกังวลการปรับฐานWarning Sign
Put Skew ลดลงหลังราคาร่วงแรงตลาดอาจเริ่มหมดความกลัวPotential Bottom
Call Skew เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจมีข่าวลือเชิงบวกหรือการ Short SqueezePotential Breakout
Smile Skew เพิ่มขึ้นทั้งสองฝั่งคาดการณ์ความผันผวนสูงจากเหตุการณ์สำคัญVolatility Event

การดู Volatility Skew จริง

สามารถดูได้จากเครื่องมือต่างๆ:

  1. Option Chain และ Volatility Column:

    • ThinkOrSwim
    • Interactive Brokers
    • TradeStation
  2. เครื่องมือ Visualization:

    • OptionStrat: แสดง IV ตาม Strike ในรูปแบบกราฟ
    • Market Chameleon: สรุปข้อมูล IV Surface
    • CBOE Livevol: กราฟ 3D ของ IV Surface
  3. ตัวอย่างการอ่าน:

    • เปรียบเทียบ IV ที่ Strike -10%, ATM, และ +10%
    • ดูความชันของเส้นกราฟ IV vs Strike
    • สังเกตการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง

กลยุทธ์ Options ที่เหมาะกับแต่ละ Skew

1. กลยุทธ์สำหรับ Put Skew สูง (ตลาดกลัวขาลง)

A. กลยุทธ์เก็บพรีเมียมจากความกลัว:

  • Short Put Vertical Spread: ขาย OTM Put ที่มี IV สูงเกินจริง และซื้อ Put ที่ต่ำกว่าเพื่อจำกัดความเสี่ยง

    ตัวอย่าง: SPY ราคา 400 มี Put ที่ Strike 360 (-10%) มี IV 35% ขณะที่ Call ที่ Strike 440 (+10%) มี IV เพียง 22%

    • ขาย 360 Put (Collect $3.20)
    • ซื้อ 350 Put (Pay $2.10)
    • Net Credit: $1.10
    • ความเสี่ยง: $8.90 ($10 - $1.10)
    • คาดหวังให้ IV ลดลงหรือราคาอยู่เหนือ 360 ที่หมดอายุ

B. Ratio Put Spread:

  • ขาย Put จำนวนมากกว่าที่ซื้อ

    ตัวอย่าง: SPY ราคา 400

    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ 370 Put
    • ขาย 2 คอนแทร็กต์ 350 Put
    • ทำกำไรหากราคาลดลงแต่ไม่ลงต่ำกว่า 350 มาก

2. กลยุทธ์สำหรับ Call Skew สูง (ตลาดคาดการณ์ขาขึ้นแรง)

A. Long Call Butterfly:

  • ใช้ประโยชน์จาก IV ที่สูงในฝั่ง OTM Call

    ตัวอย่าง: หุ้น XYZ ราคา 50 มี Call Skew สูง

    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ 55 Call
    • ขาย 2 คอนแทร็กต์ 60 Call
    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ 65 Call
    • ทำกำไรสูงสุดหากราคาไปที่ 60 ที่หมดอายุ

B. Diagonal Call Spread:

  • ซื้อ ITM Call ระยะยาว และขาย OTM Call ระยะสั้นที่มี IV สูง

    ตัวอย่าง: Tesla ราคา 250

    • ซื้อ 220 Call 3 เดือน
    • ขาย 300 Call 1 เดือน ที่มี IV สูง
    • ได้ประโยชน์จาก IV ที่สูงในฝั่ง OTM Call

3. กลยุทธ์สำหรับ Smile Skew (คาดความผันผวนทั้งสองด้าน)

A. Iron Butterfly:

  • ขาย ATM Straddle และซื้อ OTM Strangle เพื่อจำกัดความเสี่ยง

    ตัวอย่าง: SPX ราคา 4000 มี Smile Skew

    • ขาย 4000 Put
    • ขาย 4000 Call
    • ซื้อ 3900 Put
    • ซื้อ 4100 Call
    • ทำกำไรหากราคาอยู่ใกล้ 4000 ที่หมดอายุ

B. Long Strangle ปรับแต่ง:

  • เลือก Strike ที่ IV ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับความผันผวนที่คาดการณ์

    ตัวอย่าง: SPX ราคา 4000 คาดการณ์ความผันผวนสูง

    • ซื้อ Call ที่ Strike ที่มี IV ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับความผันผวนที่คาดหวัง
    • ซื้อ Put ที่ Strike ที่มี IV ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับความผันผวนที่คาดหวัง

2. Volatility Term Structure - การวิเคราะห์ IV ตามช่วงเวลา

Volatility Term Structure คืออะไร?

Volatility Term Structure คือรูปแบบของ Implied Volatility (IV) ที่แตกต่างกันตามระยะเวลาหมดอายุ (Expiration Date) โดยในสภาวะตลาดปกติ Option ที่มีอายุยาวกว่ามักมี IV สูงกว่า Option ที่มีอายุสั้นกว่า

Term Structure เป็นเครื่องมือสำคัญที่บอกเราว่า “ตลาดกำลังกลัวหรือคาดหวังอะไรในแต่ละกรอบเวลา” และช่วยในการตัดสินใจเลือกระยะเวลาหมดอายุที่เหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรด

Term Structure คือการอ่านว่า “ตลาดกำลังกลัวระยะสั้นหรือระยะยาว” โดยดูว่าความผันผวนแต่ละเดือนเรียงลำดับอย่างไร

เหมือนการดู “ยืดขยาย” ของความกลัวและความคาดหวังของตลาดในมิติของเวลา


ประเภทของ Term Structure และการตีความ

1. Normal Term Structure (Contango)

  • ลักษณะ: IV สั้น < IV กลาง < IV ยาว (เส้นกราฟเป็นขาขึ้น)
  • สาเหตุ: เป็นลักษณะปกติของตลาด เนื่องจากความไม่แน่นอนระยะยาวมีมากกว่าระยะสั้น
  • การตีความ:
    • ตลาดปกติ ไม่มีความกังวลเฉพาะหน้า
    • ไม่มีเหตุการณ์สำคัญที่คาดการณ์ได้ในระยะสั้น
  • ตัวอย่าง: SPX ในช่วงตลาดปกติจะมี IV ของ Option 30 วันประมาณ 15% และ Option 1 ปีประมาณ 20%

normal-term-structure

2. Inverted Term Structure (Backwardation)

  • ลักษณะ: IV สั้น > IV กลาง > IV ยาว (เส้นกราฟเป็นขาลง)
  • สาเหตุ:
    • ความกลัวหรือความกังวลเฉพาะหน้า
    • เหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
  • การตีความ:
    • ตลาดกำลังตื่นตระหนกหรือมีความกังวลระยะสั้น
    • มักพบในช่วงวิกฤติตลาดหรือก่อนเหตุการณ์สำคัญ
  • ตัวอย่าง: VIX Term Structure กลับหัวในช่วงวิกฤติ COVID-19 โดย VIX 30 วันพุ่งสูงกว่า VIX 6 เดือน

inverted-term-structure

3. Flat Term Structure

  • ลักษณะ: IV ใกล้เคียงกันในทุก Expiration
  • สาเหตุ:
    • ตลาดเงียบ ไม่มีแรงขับเคลื่อน
    • ความไม่แน่นอนกระจายตัวสม่ำเสมอ
  • การตีความ:
    • ตลาดขาดทิศทาง
    • มักเกิดระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านของตลาด
  • ตัวอย่าง: มักพบในช่วง Summer Doldrums หรือช่วงปลายปีที่ตลาดเงียบ

4. Humped Term Structure

  • ลักษณะ: IV เพิ่มขึ้นแล้วลดลง (กราฟรูปโค้งคว่ำ)
  • สาเหตุ:
    • มีเหตุการณ์เฉพาะที่คาดการณ์ได้ในช่วงกลาง (Earnings, FDA, เลือกตั้ง)
  • การตีความ:
    • ตลาดคาดการณ์ความผันผวนในช่วงเวลาเฉพาะ
  • ตัวอย่าง: หุ้น Biotech ที่รอผล FDA approval ในอีก 3 เดือน จะมี IV ของ Series 3 เดือนสูงกว่าทั้ง Series 1 เดือนและ Series 6 เดือน

การวัดและเปรียบเทียบ Term Structure

1. IV Ratio ระหว่างเดือน

  • คำนวณ: IV(เดือนสั้น) / IV(เดือนยาว)
  • การตีความ:
    • 1.0 = Inverted (ไม่ปกติ)

    • < 1.0 = Normal (ปกติ)
    • ยิ่งห่างจาก 1.0 มาก ยิ่งแสดงถึงความรุนแรงของสถานการณ์

ตัวอย่าง: การคำนวณ IV Ratio ใน SPY

  • IV ของ Option 30 วัน = 24%
  • IV ของ Option 90 วัน = 20%
  • IV Ratio = 24% / 20% = 1.2
  • ตีความ: Term Structure เป็น Inverted แสดงถึงความกังวลในระยะสั้น

2. IV Spread ระหว่างเดือน

  • คำนวณ: IV(เดือนยาว) - IV(เดือนสั้น)
  • การตีความ:
    • เป็นบวก = Normal
    • เป็นลบ = Inverted
    • ยิ่งค่ามาก ยิ่งแสดงถึงความชันของ Term Structure

ตัวอย่าง: การคำนวณ IV Spread

  • IV ของ Option 30 วัน = 18%
  • IV ของ Option 180 วัน = 22%
  • IV Spread = 22% - 18% = +4%
  • ตีความ: Term Structure เป็น Normal

3. Normalized IV

  • คำนวณ IV ของแต่ละ Expiration เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง
  • ช่วยให้เห็นว่า IV ในแต่ละช่วงเวลาสูงหรือต่ำกว่าปกติเพียงใด

การดู Term Structure จริง

สามารถวิเคราะห์ Term Structure ได้จาก:

  1. กราฟ IV vs DTE (Days Till Expiration):

    • TradingView: ใช้ Indicator ประเภท IV Term Structure
    • ThinkOrSwim: Plot historical vs current curve
  2. จากตาราง Option Chain:

    • สังเกต IV ของ ATM Option ในแต่ละเดือน
    • เปรียบเทียบ IV ของแต่ละ Expiration
  3. เว็บไซต์และเครื่องมือเฉพาะทาง:

    • Ivolatility.com: Volatility Term Structure Report
    • CBOE Term Structure Tool: แสดง VIX Term Structure
    • Market Chameleon: IV Term Structure Analysis

กลยุทธ์ Options ที่เหมาะกับแต่ละรูปแบบ Term Structure

1. กลยุทธ์สำหรับ Normal Term Structure (IV สั้น < IV ยาว)

A. Calendar Spread:

  • ขาย Option ระยะยาวซึ่งมี IV สูงกว่า และซื้อ Option ระยะสั้นซึ่งมี IV ต่ำกว่า โดยใช้ Strike เดียวกัน

    ตัวอย่าง: SPY ราคา 400

    • ซื้อ 400 Call 1 เดือน (IV 16%)
    • ขาย 400 Call 3 เดือน (IV 19%)
    • ทำกำไรเมื่อ IV ของ Option 3 เดือนลดลงเร็วกว่า Option 1 เดือน หรือเมื่อกลับสู่ Normal Term Structure ที่สมดุลมากขึ้น

B. Diagonal Spread:

  • เหมือน Calendar แต่ใช้ Strike ต่างกัน

    ตัวอย่าง:

    • ซื้อ 390 Call 1 เดือน (IV 17%)
    • ขาย 410 Call 3 เดือน (IV 20%)
    • ได้ประโยชน์จากทั้ง IV และ Direction ของราคา

2. กลยุทธ์สำหรับ Inverted Term Structure (IV สั้น > IV ยาว)

A. Reverse Calendar Spread:

  • ขาย Option ระยะสั้นที่มี IV สูง และซื้อ Option ระยะยาวที่มี IV ต่ำกว่า

    ตัวอย่าง: ในช่วงวิกฤติตลาด

    • ขาย 350 Put 1 เดือน (IV 45%)
    • ซื้อ 350 Put 3 เดือน (IV 35%)
    • คาดหวังให้ IV ระยะสั้นลดลงเมื่อความกลัวคลายตัว

B. Ratio Calendar Spread:

  • ขาย Option ระยะสั้นจำนวนมากกว่าที่ซื้อในระยะยาว

    ตัวอย่าง:

    • ขาย 2 คอนแทร็กต์ 380 Put 1 เดือน (IV 40%)
    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ 380 Put 3 เดือน (IV 33%)

3. กลยุทธ์สำหรับ Flat Term Structure

A. Vertical Spreads:

  • เมื่อ IV ระหว่างเดือนไม่แตกต่างกัน ให้เน้นการเทรด Direction มากกว่า Volatility

    ตัวอย่าง:

    • Bull Call Spread: ซื้อ 390 Call / ขาย 410 Call
    • Bear Put Spread: ซื้อ 410 Put / ขาย 390 Put

B. Iron Condor:

  • เหมาะเมื่อตลาดเงียบและคาดว่าจะยังคงเงียบต่อไป

    ตัวอย่าง:

    • ขาย 410 Call / ซื้อ 420 Call
    • ขาย 390 Put / ซื้อ 380 Put

4. กลยุทธ์สำหรับ Humped Term Structure

A. Double Calendar Spread:

  • ใช้ประโยชน์จาก IV ที่สูงในช่วงเวลาเฉพาะ

    ตัวอย่าง: หุ้น AAPL ก่อน Earnings ที่ Series ใกล้ Earnings มี IV สูงกว่า

    • ขาย Calendar Spread ด้าน Call (ซื้อระยะสั้น / ขายระยะกลางที่มี IV สูง)
    • ขาย Calendar Spread ด้าน Put (ซื้อระยะสั้น / ขายระยะกลางที่มี IV สูง)
    • คาดหวังให้ IV Crush หลัง Earnings

B. Butterfly Spread ข้าม Series:

  • ซื้อ Option ใน Series ที่มี IV ต่ำกว่า และขาย Option ใน Series ที่มี IV สูงกว่า

    ตัวอย่าง:

    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ Call 1 เดือน
    • ขาย 2 คอนแทร็กต์ Call 3 เดือน (ช่วงที่มี IV พีค)
    • ซื้อ 1 คอนแทร็กต์ Call 6 เดือน

ส่วนที่ 3: การประยุกต์ใช้ Skew และ Term Structure ร่วมกัน

การเข้าใจทั้ง Volatility Skew (ความต่างของ IV ตาม Strike) และ Term Structure (ความต่างของ IV ตามเวลา) ทำให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ตลาดได้แบบ 3 มิติ และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

การวิเคราะห์ 3 มิติ: Strike + Time + IV

  1. Volatility Surface: กราฟ 3 มิติที่แสดง:

    • แกน X: Strike Price
    • แกน Y: Days to Expiration
    • แกน Z: Implied Volatility

    volatility-surface

  2. การตีความ Volatility Surface:

    • รอยบุ๋มหรือโหนก = ความคาดหวังพิเศษในบางช่วงราคาและเวลา
    • ความชันด้าน Strike = Skew
    • ความชันด้านเวลา = Term Structure

การเชื่อมโยง Skew + Term Structure กับภาวะตลาด

Skew = ต่างตาม Strike
Term = ต่างตาม Expiry

การวิเคราะห์ทั้งสองปัจจัยร่วมกันให้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น:

SkewTerm Structureการตีความตลาดกลยุทธ์ที่เหมาะสม
Put Skew สูงNormalตลาดปกติ แต่นักลงทุนกังวลการร่วงในระยะยาวCalendar Put Spreads
Put Skew สูงมากInvertedตลาดตื่นตระหนก (Panic) เช่น ช่วงวิกฤติShort-term Put Credit Spreads
Call SkewNormalคาดการณ์การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปLong LEAPs Call, Short Front-month OTM Call
Call SkewInverted ที่เดือนใกล้คาดข่าวดีฉับพลัน เช่น Takeover RumorsLong OTM Calls ในเดือนที่มี IV ต่ำเมื่อเทียบกับความเป็นไปได้
Smile SkewInvertedตลาดคาดการณ์ความผันผวนสูงในทันทีLong Straddle, Long Strangle
Flat SkewFlat Termตลาดสงบนิ่ง ไม่มีทิศทางIron Condor, Butterfly

หาก Skew กับ Term Structure ส่งสัญญาณตรงกัน เช่น Put Skew สูง + Short Term IV สูงมาก → เหมาะกับ Short Put ใน Series ใกล้หมดอายุ

ในทางกลับกัน หาก Skew กับ Term Structure ส่งสัญญาณขัดแย้งกัน อาจบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเปลี่ยนทิศทาง


ตัวอย่างการใช้งานจริง: SPY ในช่วงวิกฤติ

สถานการณ์:

  • SPY ราคา 350
  • Put Skew สูงมาก (25 Delta Put IV = 45%, 25 Delta Call IV = 28%)
  • Term Structure แบบ Inverted (IV 1 เดือน = 42%, IV 3 เดือน = 35%)

การวิเคราะห์:

  1. Put Skew สูง + Term Structure Inverted = ตลาดตื่นตระหนกอย่างรุนแรง
  2. IV ระยะสั้นสูงมาก = ตลาดคาดการณ์ความผันผวนในทันที

กลยุทธ์ที่เหมาะสม:

  1. Short-term Put Credit Spread:

    • ขาย 320 Put / ซื้อ 310 Put (1 เดือน)
    • ได้ประโยชน์จาก IV ที่สูงเกินจริงในระยะสั้น และการที่ IV จะลดลงเมื่อตลาดคลายความกังวล
  2. Reverse Calendar Put Spread:

    • ขาย 330 Put 1 เดือน (IV 48%)
    • ซื้อ 330 Put 3 เดือน (IV 36%)
    • ทำกำไรเมื่อ IV ระยะสั้นลดลงเร็วกว่า IV ระยะยาว

ตัวอย่างการใช้งานจริง: AAPL ก่อน Earnings

สถานการณ์:

  • AAPL ราคา 150
  • Skew ค่อนข้าง Flat (25 Delta Put IV = 32%, 25 Delta Call IV = 30%)
  • Term Structure แบบ Humped (IV 1 เดือน = 25%, IV 2 เดือน (มี Earnings) = 35%, IV 3 เดือน = 28%)

การวิเคราะห์:

  1. Skew Flat + Term Structure Humped = ตลาดคาดการณ์ความผันผวนจากเหตุการณ์เฉพาะ (Earnings)
  2. IV สูงสุดในเดือนที่มี Earnings = Premium สูงเกินจริงในเดือนนั้น

กลยุทธ์ที่เหมาะสม:

  1. Double Calendar Spread:

    • ซื้อ 150 Call 1 เดือน และ 150 Put 1 เดือน
    • ขาย 150 Call 2 เดือน และ 150 Put 2 เดือน (ที่มี IV สูงจาก Earnings)
    • คาดหวัง IV Crush หลัง Earnings
  2. Short Iron Condor ในเดือน Earnings:

    • ขาย 160 Call / ซื้อ 165 Call
    • ขาย 140 Put / ซื้อ 135 Put
    • ได้ประโยชน์จาก IV ที่สูงในเดือนที่มี Earnings

ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้ Skew และ Term Structure

  1. IV ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ทิศทางราคา:

    • Skew สูงในฝั่ง Put ไม่ได้หมายความว่าราคาจะลงเสมอไป
    • Term Structure Inverted ไม่ได้บ่งชี้ว่าตลาดจะร่วงต่อไป
  2. ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณซื้อขายโดยตรง:

    • Skew และ Term Structure เป็นเครื่องมือในการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม ไม่ใช่สัญญาณซื้อขาย
  3. ระวังค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม:

    • กลยุทธ์ซับซ้อนอาจมีค่า Spread, Commission สูง
    • บาง Position ต้องการ Margin สูง
  4. ความสัมพันธ์ไม่เป็นเชิงเส้นตรง:

    • การเปลี่ยนแปลงของ IV ตาม Strike และเวลาไม่ได้เป็นเชิงเส้นตรงเสมอไป
    • อาจมีจุดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ (Irregularities)

สรุป

Volatility Skew และ Term Structure คือสองเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์พฤติกรรมตลาดที่ลึกกว่าการดู IV อย่างเดียว การเข้าใจ Skew และ Term Structure ช่วยให้เราสามารถ:

  1. อ่านความคาดหวังของตลาด - ทั้งแนวราคา (Skew) และกรอบเวลา (Term)
  2. เลือกกลยุทธ์ที่มี Edge - โดยเลือกฝั่งที่ IV สมเหตุสมผลและหลีกเลี่ยงฝั่งที่ IV แพงเกินไป
  3. หาโอกาสในการเก็บ Premium - จากฝั่งที่ IV ถูกบวก “Fear Premium” จนสูงเกินไป
  4. ออกแบบ Position ที่เหมาะกับเหตุการณ์ - เช่น Earnings, FDA, Economic Events

Volatility Landscape นี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือเทคนิค แต่เป็นการอ่าน “จิตวิทยาตลาด” จากข้อมูลที่สะท้อนการเทรดจริงของผู้เล่นรายใหญ่ผ่านตลาด Options

การฝึกอ่าน Skew และ Term อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนา Edge ที่แข็งแกร่งในระยะยาว เหนือกว่าผู้เทรดที่ดูแค่ราคาและ IV พื้นฐานเท่านั้น