วิธีวัดและเปรียบเทียบ Volatility
วิธีวัดและเปรียบเทียบ Volatility
Volatility คือเครื่องมือวัด “ความไม่แน่นอน” ในตลาดที่นักเทรด Option ให้ความสำคัญมากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อใช้ในการกำหนดราคาและเลือกกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ
หัวข้อนี้จะเจาะลึกวิธีวัดความผันผวนจากทั้งอดีตและความคาดหวังในอนาคต พร้อมทั้งวิธีเปรียบเทียบค่าต่าง ๆ เพื่อหา “จุดได้เปรียบ” (Edge) ในการเทรด Option
ความหมายของ Volatility
Volatility หมายถึง “ระดับความแกว่ง” ของราคาหุ้น หรือสินทรัพย์อ้างอิงภายในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปมี 2 ประเภทหลัก:
- Historical Volatility (HV): วัดจากผลตอบแทนจริงในอดีต
- Implied Volatility (IV): ความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ (คำนวณจากราคา Option ปัจจุบัน)
การเข้าใจความแตกต่างและการใช้งานของทั้งสองประเภทเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Option
Historical Volatility (HV)
คืออะไร?
Historical Volatility คือการวัด “ความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง” จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในอดีต มักวัดเป็นค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ของผลตอบแทนรายวัน
วิธีการคำนวณ:
- โดย 252 คือจำนวนวันทำการใน 1 ปี
- ใช้ข้อมูล rolling เช่น 10 วัน, 20 วัน, 30 วัน เพื่อเปรียบเทียบแนวโน้ม
จุดแข็ง:
- ใช้ข้อมูลจริง → ไม่มีความลำเอียง
- ง่ายต่อการคำนวณด้วย Excel หรือ Trading Platform
ข้อจำกัด:
- ใช้ “อดีต” เป็นพื้นฐาน → ไม่สามารถบอกอนาคตได้โดยตรง
- อาจช้าในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด (Lagging Indicator)
Implied Volatility (IV)
คืออะไร?
Implied Volatility คือ “ค่าที่ตลาดกำหนด” สะท้อนความคาดหวังในอนาคต คำนวณโดยใช้สูตรย้อนกลับจากราคา Option ด้วย Black-Scholes Model หรืออื่น ๆ
ตัวอย่างเครื่องมือดู IV:
- IV บน Option Chain ของ Broker
- Volatility Skew (ความต่าง IV ใน Strike ต่างกัน)
- IV Term Structure (ความต่าง IV ตาม Time to Expiry)
จุดแข็ง:
- สะท้อน “ความกลัว” หรือ “ความคาดหวัง” ของนักลงทุนแบบ Real-time
- เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดราคาของ Option
ข้อจำกัด:
- ไม่สะท้อน “ทิศทาง” ของราคา → แค่บอกว่าจะ “แกว่งแรง” หรือ “แกว่งน้อย”
- อ่อนไหวต่อเหตุการณ์เฉพาะ เช่น Earnings, Fed Speech
การเปรียบเทียบ HV กับ IV
การเปรียบเทียบระหว่าง HV และ IV ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ได้ว่า Option ถูกตั้งราคา “แพง” หรือ “ถูก” โดยสัมพันธ์กับความเสี่ยงจริงในอดีต
สถานการณ์ | การตีความ | กลยุทธ์ที่เหมาะ |
---|---|---|
IV > HV มาก | ตลาดคาดหวังความผันผวนสูงเกินกว่าที่เคยเกิดขึ้นจริง | Short Vol เช่น Short Strangle, Iron Condor |
IV ≈ HV | ตลาดคาดการณ์สอดคล้องกับอดีต | ใช้กลยุทธ์ปกติ เช่น Credit หรือ Debit Spread |
IV < HV | ตลาดประเมินต่ำกว่าความจริงในอดีต | Long Vol เช่น Long Straddle, Long Put |
การเปรียบเทียบ Volatility ระหว่างสินทรัพย์ (Cross-Asset Volatility)
Volatility ยังสามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างสินทรัพย์ เช่น:
- เปรียบเทียบ IV ของหุ้นในกลุ่มเดียวกัน (Tech Sector, Bank Sector)
- เทียบระหว่าง SPY, QQQ, IWM เพื่อวางกลยุทธ์ Pair Trade หรือ Hedge
ถ้า IV ของหุ้นหนึ่งสูงผิดปกติเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น → เป็นสัญญาณถึงโอกาส Arbitrage หรือการปรับพอร์ต
การใช้ IV Rank และ IV Percentile
ความแตกต่างของ IV Rank และ IV Percentile
เครื่องมือ | วิธีคำนวณ | ความหมาย | จุดเด่น |
---|---|---|---|
IV Rank | เปรียบเทียบ IV ปัจจุบัน กับ IV สูงสุด-ต่ำสุดในช่วง 1 ปี | แสดงตำแหน่งของ IV ปัจจุบันแบบ “อิงช่วง” | ดีเมื่อ IV กระจายตัวมาก |
IV Percentile | เปรียบเทียบว่า IV ตอนนี้ สูงกว่ากี่ % ของวันในอดีต | แสดงโอกาสที่ IV ตอนนี้ “สูงเกินค่าประวัติศาสตร์” | ดีเมื่อ IV ไม่เบี่ยงเบนมาก |
ตัวอย่าง:
- IV ปัจจุบัน = 30%, สูงสุดในรอบปี = 50%, ต่ำสุด = 20% → IV Rank = 50%
- ถ้า IV ตอนนี้สูงกว่าค่า IV ในอดีต 80% ของวัน → IV Percentile = 80%
การใช้เพื่อเลือกกลยุทธ์:
- IV Rank สูง / IV Percentile สูง → พิจารณา “Short Volatility” (ขาย Option)
- IV Rank ต่ำ / IV Percentile ต่ำ → พิจารณา “Long Volatility” (ซื้อ Option)
- ถ้าไม่สอดคล้องกัน → ใช้พฤติกรรมราคา, Event Calendar และข่าวร่วมในการวิเคราะห์
Volatility Skew และ Term Structure
Volatility Skew
Volatility Skew คือความแตกต่างของค่า IV ระหว่าง Option ที่ Strike ต่างกัน เช่น:
- OTM Put มักมี IV สูงกว่า ATM หรือ OTM Call → เพราะ “ความกลัวการร่วง”
ใช้ประโยชน์เพื่อ:
- เลือก Strike ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ เช่น ขาย Put ที่ IV สูง
- วางกลยุทธ์แบบ Ratio Spread หรือ Broken Wing Butterfly ตามลักษณะ Skew
Term Structure
คือการดู IV ที่แตกต่างกันตาม Expiration (เช่น IV เดือนหน้า vs IV 3 เดือน)
- Normal Term Structure: IV ระยะสั้นต่ำกว่า IV ระยะยาว (Contango)
- Inverted Term Structure: IV ระยะสั้นสูง (เช่นช่วงวิกฤต → Panic)
ใช้ประโยชน์กับ Calendar Spread, Diagonal Spread ที่เล่นกับเวลา + ความต่าง IV
เทคนิค Visualization ด้วย Volatility Surface และ Cone
Volatility Surface
เป็น 3D Plot ของ IV แกนตาม Strike และ Time to Expiry → ใช้ในการ:
- วิเคราะห์ Skew + Term ร่วมกัน
- หาจุดราคาที่มี “Mispricing” เช่น IV พุ่งเฉพาะ Strike บางจุด
Volatility Cone
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ HV เปรียบเทียบใน Timeframe ต่าง ๆ (10d, 30d, 60d…)
- แสดงค่าเฉลี่ยและกรอบเบี่ยงเบน เช่น Mean ± 1SD, 10th-90th Percentile
- IV ปัจจุบันที่อยู่ “นอกกรอบ” = สัญญาณอาจมีโอกาส Short หรือ Long Vol
การเปรียบเทียบ Volatility ของ Options ต่างกัน: Weekly vs Monthly
Option รายสัปดาห์ (Weekly) และ Option รายเดือน (Monthly) มีพฤติกรรมของ Volatility ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาในบริบทของ IV, Vega และ Gamma
ปัจจัย | Weekly Option | Monthly Option |
---|---|---|
Implied Volatility (IV) | มักสูงกว่าแบบสัมพัทธ์ (per day) | มักต่ำกว่าแบบสัมพัทธ์ |
Vega Sensitivity | ต่ำ (Vega decay เร็ว) | สูง (ตอบสนองต่อ IV ได้ชัดเจน) |
Gamma Sensitivity | สูงมาก → ตอบสนองไวต่อราคา | ต่ำกว่า → เหมาะกับ Long Term Position |
การใช้กลยุทธ์ | ใช้เก็งข่าว, Event, Short-term Bet | ใช้กับกลยุทธ์ Spread, Hedging หรือ Long Vol |
หากต้องการเล่นกับ “ข่าวระยะสั้น” หรือ Expectation ด้าน IV → Weekly Option อาจให้ผลตอบแทนเร็ว แต่เสี่ยงสูงและมี Time Decay รุนแรง
ในทางกลับกัน Monthly Option มี Vega สูงกว่า → เหมาะกับกลยุทธ์ที่หวัง IV เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
การแปลผล Volatility ในเชิงกลยุทธ์: Long Vega vs Short Vega
ในโลกของ Option กลยุทธ์ทั้งหมดสามารถแบ่งตาม Exposure ต่อ Volatility ได้ว่าเป็น Long Vega หรือ Short Vega
ประเภท | ความหมาย | ตัวอย่างกลยุทธ์ | เหมาะเมื่อ |
---|---|---|---|
Long Vega | ได้ประโยชน์เมื่อ IV เพิ่ม | Long Straddle, Long Put, Calendar Spread | คาดว่า IV จะเพิ่มขึ้น / ราคาจะเหวี่ยงแรง |
Short Vega | ได้ประโยชน์เมื่อ IV ลดลง | Short Straddle, Iron Condor, Vertical Credit Spread | คาดว่า IV จะลดลง / ราคาอยู่ในกรอบ |
ตัวอย่างการแปลผล:
- ถ้า IV ปัจจุบันสูงมากกว่า IV ในอดีต → เลือก Short Vega
- ถ้ามีข่าวใหญ่ใกล้เข้ามาและ IV ยังต่ำ → Long Vega เพื่อรอ IV พุ่ง
- ถ้า Term Structure กลับด้าน (Inverted) → พิจารณาเล่น Calendar Spread ที่ได้เปรียบ
การจัดการ Volatility ในระดับ Portfolio
นอกจากการดู Option รายตัว เทรดเดอร์ยังต้องควบคุม Exposure รวมของพอร์ตต่อ Volatility:
- ใช้ Greek รวมของทุก Position: Net Vega, Net Gamma
- พิจารณา Volatility ของสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพอร์ต เช่น Tech กับ Defensive Sector
- ปรับสมดุล Long Vega / Short Vega ให้เหมาะกับมุมมองตลาดและระดับ IV ปัจจุบัน
📌 การจัดการ Net Vega อย่างมีระบบช่วยให้พอร์ตของคุณไม่เสี่ยงต่อการ “ผิดทางพร้อมกันหมด” เมื่อตลาดเกิด Shock