Market crash strategy with VIX option
โอกาสในวิกฤต: เมื่อความกลัวในตลาดกลายเป็นกำไร
ในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดความปั่นป่วนหรือเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี” นักลงทุนส่วนใหญ่มักตกอยู่ในความกลัวและตื่นตระหนก ทว่าในมุมมองของนักเทรดเชิงกลยุทธ์ นี่กลับเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม หากรู้จักใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง หนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้คือ At-the-Money Put Credit Spread โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนีความผันผวน VIX พุ่งทะลุระดับ 40
ความสำคัญของดัชนี VIX
ดัชนี VIX วัด ความผันผวนโดยนัย (Implied Volatility) ที่สะท้อนอยู่ในราคาออปชันของดัชนี S&P 500 โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเกิดความไม่แน่นอนหรือความกลัวในตลาด VIX จะพุ่งสูงขึ้นทันที โดยเฉพาะการทะลุระดับ 40 ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก—เกิดเพียงไม่กี่ครั้งในรอบ 10 ปี แต่ในทุกครั้ง กลับเปิดโอกาสในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอจากการเทรดออปชัน
กลยุทธ์ Put Credit Spread คืออะไร?
Put Credit Spread หรือ Bull Put Spread คือการ:
- ขาย Put Option ที่มี Strike Price สูงกว่า
- ซื้อ Put Option ที่มี Strike Price ต่ำกว่า
- ทั้งสองออปชันต้องมีวันหมดอายุเดียวกัน (same expiration)
การตั้งสเปรดแบบนี้จะสร้าง กระแสเงินสดสุทธิขาเข้า ในวันเปิดสัญญา (Net Credit) ซึ่งหมายถึงเราได้รับ “พรีเมียม” จากการทำสัญญา
หลักการทำกำไร
- หากดัชนี S&P 500 ปิด สูงกว่า Strike ทั้งสองตัว → Put ทั้งสองจะหมดอายุไร้ค่า → เราเก็บ Premium ไว้ทั้งหมด
- หากดัชนีร่วงต่ำกว่า Strike ที่เราขาย → เราเริ่มขาดทุนตามความต่างของสเปรด (maximum loss คือส่วนต่างระหว่าง Strike ลบ Premium)
💡 Margin ที่ต้องมีในบัญชี = ความเสี่ยงสูงสุดของการเทรด - Premium ที่ได้รับ
โบรกเกอร์จะกันเงินตาม Maximum Loss
ทำไม VIX สูงถึงเป็นโอกาสของกลยุทธ์นี้?
- เมื่อ VIX พุ่งสูง พรีเมียมของออปชัน (โดยเฉพาะฝั่ง Put) จะสูงขึ้นอย่างมาก (IV สูง)
- ส่งผลให้เราได้รับ Net Credit ที่สูงขึ้นจากการตั้ง Spread
- ในขณะเดียวกัน ราคาที่สูงขึ้นของพรีเมียมทำให้ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงดีขึ้น (Risk / Reward)
- ความเสี่ยงที่แท้จริงจึงลดลง แม้ในภาพรวมดูเหมือนตลาดจะไม่มั่นคง
ตัวอย่างเหตุการณ์จริงที่กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผล
สิงหาคม 2015
- เหตุการณ์: ความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินหยวนจีน → VIX ทะลุ 40
- กลยุทธ์:
- ขาย Put ที่ Strike 1875
- ซื้อ Put ที่ Strike 1825 (ระยะเวลา ~6 เดือน)
- Premium ที่ได้รับ: $9,450
- Risk: $15,550
- S&P500 ตอนหมดอายุ (ม.ค. 2016): 1940.24
- กำไร: $9,450 (Put หมดอายุไร้ค่า)
- ผลตอบแทน: 64.5%
กุมภาพันธ์ 2018
- เหตุการณ์: ปัญหาเกี่ยวกับ VIX-linked securities → VIX ทะลุ 40
- กลยุทธ์:
- ขาย Put ที่ Strike 2675
- ซื้อ Put ที่ Strike 2625 (~6 เดือน)
- Premium ที่ได้รับ: $7,900
- Risk: $17,100
- S&P500 ตอนหมดอายุ (ก.ค. 2018): 2816.29
- กำไร: $7,900
- ผลตอบแทน: 46.1%
กุมภาพันธ์ 2020
- เหตุการณ์: เริ่มต้นการระบาด COVID-19 → VIX ทะลุ 40
- กลยุทธ์:
- ขาย Put ที่ Strike 2950
- ซื้อ Put ที่ Strike 2900 (~6 เดือน)
- Premium ที่ได้รับ: $8,925
- Risk: $16,775
- S&P500 ตอนหมดอายุ (ส.ค. 2020): 3397.16
- กำไร: $8,925
- ผลตอบแทน: 55.5%
มิถุนายน 2020
- เหตุการณ์: VIX พุ่งสั้นๆ ระหว่างภาวะโควิด
- กำไร: $9,275
สิงหาคม 2024
- เหตุการณ์: การ Unwind ของ US dollar/yen carry trade → VIX spike
- S&P ปิดเหนือ 6000 ในวันหมดอายุ
- กำไร: $5,025
รวมผลลัพธ์ 5 เหตุการณ์
- กำไรรวม: $40,575
- เทียบกับความเสี่ยงเฉลี่ย: มากกว่าสองเท่าของความเสี่ยงต่อครั้ง
- บทสรุป: แม้แพ้บางเทรด แต่ถ้ากลยุทธ์มี Edge และวินัยในการเข้าออก ก็ยังมีกำไรโดยรวม
สิ่งที่ควรเรียนรู้
- โอกาสจาก VIX > 40 เกิดขึ้นเฉลี่ย ทุก 2 ปี
- หากเกิดขึ้นอีกครั้ง → อาจพิจารณาเทรดด้วยขนาด Position ที่เหมาะสม
- ความน่าจะเป็นของการ “bounce” หลัง VIX spike มีแนวโน้มสูง
- กลยุทธ์นี้เน้น “สถิติ” ไม่ใช่ “ความแม่นยำ”
- มืออาชีพมองหา Edge ไม่ใช่ความแน่นอน
สรุป
แม้จะมีความเสี่ยง แต่หากใช้ในจังหวะที่ถูกต้อง ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าความเสี่ยงที่รับไว้
การวิเคราะห์สถิติย้อนหลังและใช้วินัยในการเทรด คือหัวใจของความสำเร็จในกลยุทธ์นี้