เปรียบเทียบกลยุทธ์การขาย Options
ตลาดออปชั่นเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้กับนักลงทุนในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้น พร้อมกับบริหารความเสี่ยงอย่างมีระบบ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง กลยุทธ์ “การขายออปชั่น” (Selling Options) เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักเทรดระดับกลางถึงขั้นสูง
บทความนี้จะเปรียบเทียบกลยุทธ์การขายออปชั่น 5 รูปแบบที่สำคัญ ได้แก่:
- Covered Calls
- Cash-Secured Puts
- Iron Condors
- Vertical Credit Spreads
- Naked Options
Covered Calls
Covered Call คือการขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้จากค่า Premium
- เหมาะกับ: ตลาดที่เป็นกลางถึงขาขึ้นเล็กน้อย
- ข้อดี: รับพรีเมียมทันที, ลดต้นทุนการถือหุ้น
- ข้อเสีย: จำกัดกำไรหากหุ้นราคาพุ่งแรง
ตัวอย่าง:
คุณถือหุ้น XYZ อยู่ 100 หุ้น → ขาย Call ที่ Strike สูงกว่าราคาปัจจุบัน
- ถ้าหุ้นไม่เกิน Strike → เก็บพรีเมียม + ยังถือหุ้นต่อ
- ถ้าหุ้นเกิน Strike → หุ้นถูกขาย → รับ Capital Gain + Premium
Cash-Secured Puts
Cash-Secured Put คือการขาย Put Option โดยมีเงินสดพร้อมซื้อหุ้นหากถูก Assign
- เหมาะกับ: ตลาดขาขึ้นถึงเป็นกลาง และต้องการเข้าซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าตลาด
- ข้อดี: ได้พรีเมียม + มีโอกาสซื้อหุ้นถูก
- ข้อเสีย: ถ้าหุ้นร่วงแรง → คุณจะได้หุ้นที่อาจลดลงเรื่อย ๆ
ตัวอย่าง:
ขาย Put บนหุ้น ABC
- ถ้าราคาหุ้นอยู่เหนือ Strike → เก็บพรีเมียม
- ถ้าราคาต่ำกว่า Strike → คุณถูก Assign ให้ซื้อหุ้น → ได้หุ้น + พรีเมียม
Iron Condors
Iron Condor คือกลยุทธ์ที่ใช้ทั้ง Call และ Put เพื่อสร้าง “กรอบกำไร” โดยมีความเสี่ยงจำกัด
- เหมาะกับ: ตลาดที่แกว่งในกรอบ (Sideways)
- ข้อดี: รับพรีเมียมสูงถ้าหุ้นอยู่ในกรอบที่กำหนด
- ข้อเสีย: ถ้าราคาทะลุกรอบที่วางไว้ → ขาดทุนแน่นอน
ตัวอย่าง:
สร้าง Iron Condor บนหุ้น XYZ ด้วยการขาย Put และ Call ที่อยู่ห่างจากราคาปัจจุบัน
- ถ้าราคาหุ้นอยู่ในช่วงระหว่าง Strike ทั้งสองด้าน → ได้กำไรเต็ม
- ถ้าหลุดกรอบ → ขาดทุนแบบมีขีดจำกัด
Vertical Credit Spreads
Vertical Credit Spread คือการขาย Option และซื้อ Option ที่ Strike ห่างกันในฝั่งเดียวกัน (Put หรือ Call)
- เหมาะกับ: ตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
- ข้อดี: กำหนดความเสี่ยง/ผลตอบแทนได้
- ข้อเสีย: กำไรจำกัด, ต้องเลือก Strike ให้แม่น
ตัวอย่าง:
ขาย Call ที่ Strike $50 และซื้อ Call ที่ Strike $55 บนหุ้น ABC
- ถ้าราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่า $50 → ได้กำไรเต็ม
- ถ้าหุ้นขึ้นเกิน $55 → ขาดทุนสูงสุดตามระยะห่างระหว่าง Strike
Naked Options (ขั้นสูง)
Naked Options คือการขาย Call หรือ Put โดยไม่ถือหุ้นหรือไม่มีการป้องกันความเสี่ยงใด ๆ
- เหมาะกับ: เทรดเดอร์มืออาชีพที่รับความเสี่ยงได้สูง
- ข้อดี: รับพรีเมียมเต็มโดยไม่มีต้นทุนจองหุ้น
- ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูงมาก (อาจขาดทุนไม่จำกัด)
ตัวอย่าง:
- ขาย Naked Call → ถ้าหุ้นพุ่งไม่หยุด → ขาดทุนไม่จำกัด
- ขาย Naked Put → ถ้าหุ้นร่วงแรง → ต้องซื้อหุ้นราคาสูงกว่าตลาดอย่างหนัก
กลยุทธ์ Wheel Strategy: ผสม CSP + Covered Call
Wheel Strategy ผสมผสาน Cash-Secured Put และ Covered Call อย่างเป็นระบบ:
- เริ่มจากขาย Put (CSP) → ถ้าไม่ได้ถูก Assign → เก็บพรีเมียม
- ถ้าถูก Assign → ถือหุ้น → ขาย Covered Call
- ถ้าหุ้นถูกขายออก → กลับไป Step 1
จุดเด่น:
- รายได้สม่ำเสมอจากพรีเมียม
- ซื้อหุ้นในราคาที่ต้องการ
- ขายหุ้นในราคาที่ได้กำไร
ลองใช้ Wheel Screener ของเราเพื่อกรองดีล CSP/CC ที่เหมาะกับคุณ พร้อมระบบแจ้งเตือน
ตารางเปรียบเทียบกลยุทธ์และ Option Greeks
| กลยุทธ์ | เหมาะกับตลาดแบบไหน | ความเสี่ยงสูงสุด | รายได้จาก Premium | Delta | Theta | Gamma | Vega |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| Covered Call | เป็นกลาง → ขาขึ้น | ต่ำ (ถือต้นทุนหุ้น) | ปานกลาง | ต่ำ+ (0.3-0.5) | ปานกลาง+ | ต่ำ | ต่ำ |
| Cash-Secured Put | เป็นกลาง → ขาขึ้น | ต่ำ (ถือเงินสดรอซื้อ) | ปานกลาง | ต่ำ− (-0.3 ถึง -0.4) | ปานกลาง | ต่ำ | ต่ำ |
| Iron Condor | Sideways (ไม่วิ่ง) | จำกัด | สูง (จาก 2 ฝั่ง) | ใกล้ศูนย์ | สูงมาก | สูง (กลางช่วง) | ปานกลาง |
| Credit Spread | ขาขึ้นหรือขาลง | จำกัด | ปานกลาง | ต่ำ~กลาง | ปานกลาง | ต่ำ~กลาง | ปานกลาง |
| Naked Option | ขาขึ้น/ลงแรง | ไม่จำกัด | สูง | สูง | ต่ำ (ขึ้นอยู่กับระยะเวลา) | สูง | สูง |
หมายเหตุ: ค่า Delta, Theta, Gamma, Vega เป็นแนวโน้มโดยเฉลี่ยเพื่อเปรียบเทียบ ไม่ใช่ค่าคงที่
สรุป
- กลยุทธ์ขายออปชั่นสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง
- Covered Call และ CSP เป็นแกนหลักของ Wheel Strategy
- Iron Condor และ Credit Spread ช่วยจำกัดความเสี่ยง
- Naked Options มีผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงก็สูงมาก
- การเลือกกลยุทธ์ต้องสอดคล้องกับ “สภาพตลาด” และ “ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้”