American vs European Option

American vs European Option

ประเภทของ Option: American vs European

Option มีการจำแนกประเภทตาม เวลาที่สามารถใช้สิทธิได้
ซึ่งส่งผลต่อกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนอย่างมาก

American Option คืออะไร?

  • สามารถ ใช้สิทธิได้ทุกวัน ก่อนและจนถึงวันหมดอายุ
  • มีความยืดหยุ่นสูง
  • พบบ่อยในหุ้นรายตัว (Stock Option)

ตัวอย่าง

คุณถือ Call Option ของหุ้น A (American Style)
ถ้าวันที่ 20 ของเดือน ราคาหุ้นขึ้นแรง
→ คุณสามารถเลือกใช้สิทธิทันทีได้เลย โดยไม่ต้องรอถึงวันหมดอายุ

European Option คืออะไร?

  • สามารถ ใช้สิทธิได้เฉพาะ “วันหมดอายุ” เท่านั้น
  • ไม่มีสิทธิใช้ก่อนถึงวันหมดอายุ
  • พบบ่อยใน Option ของดัชนี (Index Option) เช่น S&P 500 (SPX)

ตัวอย่าง

คุณถือ Put Option ของดัชนี S&P 500 (European Style)
แม้ว่าตลาดจะร่วงแรงกลางทาง คุณจะยังไม่สามารถใช้สิทธิได้
ต้องรอจนถึงวันหมดอายุเท่านั้น ถึงจะใช้สิทธิขายได้

ตารางเปรียบเทียบ American vs European Option

ด้านAmerican OptionEuropean Option
ใช้สิทธิได้เมื่อไหร่ตลอดเวลาก่อนหมดอายุเฉพาะวันหมดอายุ
ความยืดหยุ่นสูงต่ำ
สินทรัพย์ที่พบหุ้นรายตัว (Stock)ดัชนี (Index)
กลยุทธ์ใช้สิทธิได้ตามสถานการณ์ต้องวางแผนตามระยะเวลาคงเหลือ

กรณีศึกษา: Option ในประเทศไทย และ Option ในสหรัฐอเมริกา

  • Option ที่มีการซื้อขายในประเทศไทย (เช่น SET50 Index Options) ส่วนใหญ่เป็นแบบ European Style → ต้องรอจนถึงวันหมดอายุถึงจะใช้สิทธิได้
  • Option ในตลาดอเมริกา (เช่น หุ้นรายตัว, ETF Option) ส่วนใหญ่เป็น American Style → ใช้สิทธิได้ทุกวันก่อนหมดอายุ
  • ข้อสังเกต: แม้ชื่อจะเป็น European หรือ American แต่ “ประเทศ” ที่เทรดไม่ได้กำหนดชนิดเสมอไป → ต้องดูเงื่อนไขของ Option นั้นๆ

ตัวอย่างชีวิตจริง: ใบจองคอนโดเปรียบเทียบ

  • American Option → เหมือนคุณจองคอนโดแล้วสามารถโอนได้ตลอดเวลาภายใน 6 เดือน
  • European Option → เหมือนคุณต้องรอครบ 6 เดือนเท่านั้นถึงจะโอนได้

สรุปเนื้อหา

  • American Option ยืดหยุ่นมากกว่า เพราะใช้สิทธิได้ทุกวันก่อนหมดอายุ
  • European Option ใช้สิทธิได้เฉพาะวันหมดอายุเท่านั้น
  • Option ในไทย (SET50 Options) ส่วนใหญ่เป็น European Style
  • Option ในสหรัฐอเมริกา (หุ้น/ETF Option) ส่วนใหญ่เป็น American Style