Adjust position
แม้กลยุทธ์ Short Put จะเหมาะกับตลาดขาขึ้นหรือตลาด Sideway แต่หากราคาหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวผิดทาง หรือใกล้หมดอายุโดยยังไม่เข้าเป้า
การ “ปรับกลยุทธ์” (Adjust) เป็นทางเลือกสำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสรอด หรือจำกัดความเสี่ยงของ Position
📌 ตัวเลือกที่ 1: Roll Short Put ไปเดือนถัดไป
เหตุผล:
เมื่อ Option ใกล้หมดอายุแต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่า Strike อยู่เล็กน้อย — ยังมีความหวังว่าหุ้นจะฟื้นตัวในอนาคต
ขั้นตอนการทำ:
- ซื้อคืน Put Option เดิม (ที่ใกล้หมดอายุ)
- เปิดขาย Put Option ใหม่ ที่ Strike เดิมหรือปรับให้เหมาะสม
โดยเลือก Expiration ใหม่ที่ไกลขึ้น (Roll Forward)
ผลลัพธ์:
- ขยายเวลาให้ Thesis เป็นจริง
- ได้ Premium เพิ่มเติม ทำให้ Break-even ต่ำลง (เช่น $93)
- แต่ Max Loss ยังคงเปิดอยู่ (ถ้าหุ้นร่วงต่อ)
📌 ตัวเลือกที่ 2: ปรับเป็น Bull Put Spread
เหตุผล:
เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณว่าหุ้นอาจปรับฐานแรง และต้องการ จำกัดความเสี่ยง
หรือใช้เมื่อต้องการเก็บ Credit เพิ่ม โดยลด Max Profit ลงเล็กน้อย
ขั้นตอนการทำ:
- ถือ Short Put เดิมอยู่แล้ว (เช่น Strike $100)
- เปิด Long Put ที่ Strike ต่ำกว่า (เช่น $90)
ผลลัพธ์:
- กลายเป็น Bull Put Spread
- จำกัดขาดทุนสูงสุด (เช่น -$700)
- Max Profit ลดลง (เช่น $300) แต่ความเสี่ยงควบคุมได้
- Break-even อาจขยับขึ้นเล็กน้อย (เช่น $97)
📌 ตัวเลือกที่ 3: Hedge ด้วยการเปิด Short Straddle
เหตุผล:
หากราคาหุ้นเริ่ม “นิ่งใกล้ Strike” และไม่คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวแรง
การขาย Option ฝั่ง Call เพิ่มเติมสามารถเพิ่มรายได้
ขั้นตอนการทำ:
- ถือ Short Put อยู่แล้ว (เช่น Strike $100)
- เปิด Short Call ที่ Strike เดียวกัน ($100)
ผลลัพธ์:
- กลายเป็นกลยุทธ์ Short Straddle
- รับ Premium ทั้งสองฝั่ง ทำให้ Max Profit เพิ่ม (เช่น $1,000)
- แต่ ขาดทุนสองทาง หากราคาหลุดกรอบ Break-even ทั้งด้านบน ($110) หรือด้านล่าง ($90)
Short Put แม้จะดูปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเมื่อตลาดร่วงแรง
หากไม่มีแผน Hedge หรือปรับกลยุทธ์ อาจขาดทุนต่อเนื่องได้ ควรประเมินสถานการณ์ให้ดี และเลือกวิธี Adjust ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาด
หากไม่มีแผน Hedge หรือปรับกลยุทธ์ อาจขาดทุนต่อเนื่องได้ ควรประเมินสถานการณ์ให้ดี และเลือกวิธี Adjust ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาด