Long Put

โครงสร้างของกลยุทธ์

Long Put คือการ “ซื้อสิทธิ์” ในการ ขาย สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนด (Strike Price) ภายในเวลาที่กำหนด (Expiration Date)

ผู้ซื้อ Long Put มีสิทธิ์ในการขาย แต่ไม่มีภาระผูกพัน ต้องการให้ราคาหุ้น ลดลง เพื่อสร้างกำไร

หลักการง่าย ๆ:

  • ถ้าราคาหุ้นตกลงต่ำกว่า Strike - Premium → มีกำไร
  • ถ้าราคาหุ้นไม่ตก → ขาดทุนจำกัดแค่ Premium ที่จ่าย

ตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ:
เหมือนคุณซื้อ “ประกันรถยนต์”
ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุ (หุ้นตก) → ได้เงินเคลม (กำไร)
ถ้าไม่เกิดอะไรเลย → เสียเบี้ยประกัน (Premium) ไปเฉย ๆ


Payoff Diagram

Payoff ของ Long Put

โครงสร้างพื้นฐานของ Long Put:

  • สิ่งที่ทำ: ซื้อ Put Option
  • มุมมองตลาด: คาดว่าราคาจะลง (Bearish)
  • ต้นทุน: Premium ที่จ่ายไปล่วงหน้า
  • Max Loss: จำกัดที่จำนวน Premium ที่จ่าย (เช่น $500)
  • Max Profit: เกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลงจนถึง $0
    = Strike Price - Premium
    = $100 - $5 = $95 → ถ้าหุ้นตกถึง $0 กำไรสูงสุดคือ $95 x 100 = $9,500

วิเคราะห์กราฟ Payoff:

  • เส้นกราฟสีแดงแสดงช่วงที่ขาดทุน → ถ้าราคาหุ้น > Strike Price ณ วันหมดอายุ
    นักลงทุนจะไม่ใช้สิทธิ์ ทำให้ขาดทุนเต็มจำนวนเท่ากับ Premium (เช่น $500)
  • จุด Break-even อยู่ที่ $95 (Strike - Premium)
  • เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่า $95 → เริ่มมีกำไร และยิ่งราคาลง กำไรก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

พฤติกรรมของกลยุทธ์

ปัจจัยพฤติกรรมอธิบายเพิ่มเติม
ราคาหุ้นลงกำไรยิ่งหุ้นลงมาก กำไรยิ่งสูง
ราคาหุ้นขึ้นขาดทุนจำกัดขาดทุนสูงสุดคือ Premium ที่จ่าย
ราคานิ่งขาดทุนจาก ThetaPremium ค่อยๆ เสื่อมตามเวลา

พฤติกรรมทาง Greek

Greekลักษณะทำไมเป็นแบบนี้หมายเหตุ (ลงลึก)
Deltaลบเพราะต้องการกำไรจากการ “ราคาหุ้นลง” → Delta ติดลบ (ประมาณ -0.5 ที่ ATM)Delta ใกล้ -1 เมื่อ Put ITM ลึก
Gammaบวกเมื่อหุ้นเคลื่อน Delta เปลี่ยนเร็วขึ้น → Gamma บวกยิ่งใกล้ Strike, Gamma ยิ่งสูง
ThetaลบLong Put สูญเสียมูลค่าตามเวลา → Theta ลบเร่งตัวเร็วขึ้นเมื่อใกล้หมดอายุ
VegaบวกVolatility เพิ่ม → Option ราคาขึ้น → Vega บวกได้ประโยชน์ช่วงตลาดกลัว (IV เพิ่ม)

เทคนิคการเลือกตั้งค่ากลยุทธ์ (Tuning and Optimization)

การเลือก IV (Implied Volatility)

  • สิ่งที่เลือก: เลือก IV ต่ำหรือต่ำกว่า 30% ก่อนซื้อ
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: ซื้อ Premium ถูก และลุ้นให้ IV เพิ่มในช่วง Panic
  • เป้าหมายปลายทาง: หุ้นตก หรือ Volatility พุ่งทำให้ Option มีกำไร
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: ถ้า IV ลดลงหรือตลาดนิ่ง → ขาดทุนจาก Vega และ Theta

การเลือก Strike Price

  • สิ่งที่เลือก: เลือก Strike ที่ Near ATM หรือ Slightly ITM
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: ได้ Delta สูงขึ้น กำไรเร็วถ้าหุ้นตก
  • เป้าหมายปลายทาง: หุ้นต้องลงพอสมควรเพื่อชนะ Premium
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: เลือก OTM ไกลเกิน → เสี่ยงหมดค่า

การเลือก Expiration Date

  • สิ่งที่เลือก: เลือก Expiry กลางๆ (30-60 วัน)
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: ให้เวลาราคาขยับ แต่ไม่เสียค่า Theta เกินจำเป็น
  • เป้าหมายปลายทาง: ใช้เล่น Panic Move หรือ Downtrend ยาว
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: Expiry สั้นเกิน ➔ ต้องขยับทันทีไม่งั้นขาดทุน Theta

ตัวอย่างการใช้งานจริง (Case Study)

กรณีกำไร

  • ซื้อ Long Put Strike $100, Premium $3.00
  • หุ้นตกลงไปที่ $90 ก่อนหมดอายุ
  • กำไรขั้นต้น = ($100 - $90) - $3 = $7 ต่อหุ้น
  • กำไรสุทธิ = $7 × 100 = $700

สาเหตุที่กำไร:

  • ราคาหุ้นลงแรงทะลุจุดคุ้มทุน
  • Delta สูงขึ้นเมื่อหุ้นตก
  • Vega ช่วยถ้า Volatility พุ่งด้วย

กรณีขาดทุน

  • ซื้อ Long Put Strike $100, Premium $3.00
  • หุ้นยืน $102 ก่อนหมดอายุ
  • ไม่ถึงจุดคุ้มทุน ($97)
  • ขาดทุนเต็ม Premium = $300

สาเหตุที่ขาดทุน:

  • หุ้นไม่ตกตามคาด
  • Theta Decay เสื่อมค่าเร่งตามเวลาผ่านไป

ข้อดี / ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ขาดทุนจำกัดเสีย Premium ทันทีหลังซื้อ
ได้กำไรจากการหุ้นลงอย่างแรงถ้าหุ้นไม่ขยับเร็ว เสี่ยงหมดค่าเร็ว
ได้ประโยชน์จาก Volatility ขึ้นVega Risk ถ้า IV ลดลงหลังเข้า Position

สรุปบทเรียน

  • Long Put คือเครื่องมือทำกำไรจากการ “หุ้นลง”
  • ขาดทุนจำกัด กำไรสูงสุดเมื่อหุ้นตกแรง
  • ต้องระวัง Theta และเลือก Strike/Expiry ให้เหมาะกับเป้าหมายตลาด