Adjust position
การปรับกลยุทธ์ Long Call: Roll, Bull Call Spread และ Long Straddle
เมื่อเราเปิดสถานะ Long Call แล้วสถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงไป หรือใกล้หมดอายุ แต่ราคายังไม่ถึงเป้าหมาย การ “ปรับกลยุทธ์” (Adjustment) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดหรือกำไร
ตัวเลือกที่ 1: Roll Long Call ไปเดือนถัดไป
เหตุผล:
เมื่อ Long Call ใกล้หมดอายุ แต่ราคา Underlying ยังต่ำกว่า Strike หรือใกล้ Break-even — ยังมีความหวังว่าราคาอาจขึ้นในอนาคต
วิธีทำ (Roll Forward):
- ขาย Call เดิม (ที่ถืออยู่) — เก็บค่าพรีเมียมคืนบางส่วน
- เปิด Call ใหม่ ที่ Strike เดิมหรือใกล้เคียง แต่ อายุยาวกว่า (เดือนถัดไป)
ข้อควรพิจารณา:
- ค่า Premium ใหม่มักจะแพงขึ้น ทำให้ ต้นทุนรวมสูงขึ้น
- Break-even ใหม่จะสูงขึ้น (เช่น จาก $105 → $108 ตามภาพ)
- เสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ให้โอกาสเวลาทำงานกับเรา
ตัวเลือกที่ 2: ปรับเป็น Bull Call Spread
เหตุผล:
เมื่อราคาเริ่มเข้าใกล้ Break-even แล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าจะทะลุขึ้นไปได้มาก — อยาก ลดต้นทุน และ ล็อกกำไรบางส่วน
วิธีทำ (Sell Call เพิ่ม):
- ถือ Long Call ที่ Strike เดิม (เช่น $100)
- เปิด Short Call ที่ Strike สูงกว่า (เช่น $105) ในเดือนเดียวกัน
ผลลัพธ์:
- กลายเป็น Bull Call Spread
- Break-even อาจลดลง (เช่น $104)
- Max Profit ถูกจำกัด แต่ Max Loss ก็ลดลงด้วย
- ช่วยลด Premium ที่เราจ่ายไป
ตัวเลือกที่ 3: Hedge ด้วยการเปิด Long Straddle
เหตุผล:
เมื่อคาดว่า ราคาจะผันผวนแรง แต่ไม่แน่ใจทิศทาง (ขึ้นหรือลง) เช่น ก่อนประกาศงบหรือข่าวสำคัญ
วิธีทำ:
- ถือ Long Call อยู่แล้ว
- เปิด Long Put ที่ Strike เดียวกัน (เช่น $100) และหมดอายุเดียวกัน
ผลลัพธ์:
- กลายเป็นกลยุทธ์ Long Straddle
- Max Loss เพิ่มขึ้น (เช่น $1,000 ตามภาพ) = ค่า Premium ของ Call + Put
- แต่มีโอกาสกำไรสองทาง → ถ้าราคาขึ้นแรงหรือร่วงแรง
การปรับกลยุทธ์ช่วยให้เราบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นในสถานการณ์ที่ตลาดไม่เป็นไปตามแผนเดิม
การเลือกว่าจะ Roll, Spread หรือ Hedge ต้องดูทั้งมุมมองราคา, Volatility และระยะเวลาที่เหลือ
การเลือกว่าจะ Roll, Spread หรือ Hedge ต้องดูทั้งมุมมองราคา, Volatility และระยะเวลาที่เหลือ