Short Strangle

กลยุทธ์ Short Strangle คืออะไร

Short Strangle คือกลยุทธ์ที่ประกอบด้วยการ ขาย Call และ Put ที่ต่าง Strike (Out-of-the-Money ทั้งคู่) โดยมีวันหมดอายุเดียวกัน จุดประสงค์หลักคือการรับ Premium จากทั้งสองฝั่ง โดยคาดว่าราคาหลักทรัพย์จะอยู่ในช่วงระหว่าง Strike ทั้งสอง ณ วันหมดอายุ

กลยุทธ์นี้จะได้กำไรสูงสุดเมื่อราคาหลักทรัพย์อยู่ระหว่าง Strike ทั้งสอง และจะขาดทุนไม่จำกัดหากราคาวิ่งออกจากช่วง Break-Even ใด Break-Even หนึ่ง


โครงสร้างของกลยุทธ์ Short Strangle

  • Sell 1 Call Option @ Strike $110
  • Sell 1 Put Option @ Strike $90
  • Premium รวมที่ได้รับ = $5.00 ➜ $500
  • Break-Even: $90 - $5 = $85 / $110 + $5 = $115
  • Max Profit: Premium รวม $500
  • Max Loss: ไม่จำกัด (หากราคาวิ่งออกจากช่วง $85-$115)

กราฟ Payoff Diagram

Short Strangle Payoff Diagram


พฤติกรรมและการวิเคราะห์ Greek

Delta: เป็นกลางเมื่อเริ่มต้น (Near-Zero)

  • Delta ของ Put และ Call ที่ขายออกมาเป็นค่าตรงข้าม ➜ หักล้างกันได้
  • เมื่อราคาขยับไปทางใดทางหนึ่ง ➜ Delta จะเบ้ไปข้างนั้น

Gamma: ติดลบ

  • ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อราคาวิ่งแรง ➜ ทำให้ Delta เปลี่ยนเร็วขึ้น

Vega: ติดลบ

  • ได้กำไรจาก IV ที่ลดลง ➜ ถ้า IV เพิ่ม จะขาดทุนจาก Option ที่ขาย

Theta: บวก

  • ได้กำไรจาก Time Decay ทุกวัน โดยเฉพาะใกล้วันหมดอายุ

เทคนิคการตั้งค่า (Tuning & Optimization)

1. เลือก Strike ให้ห่างจากราคา Spot พอสมควร (OTM)

  • เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูก Break-Even ได้ง่าย

2. เลือก Expiration สั้นถึงกลาง (10-45 วัน)

  • เพื่อให้ Theta ทำงานเร็ว ➜ กำไรจาก Time Decay

3. เปิดสถานะเมื่อ IV Rank สูง

  • จะได้ Premium สูง ➜ เพิ่มช่วงกำไร ➜ เพิ่มความยืดหยุ่น

4. เลือก Delta ประมาณ ±0.20 สำหรับ Call และ Put

  • ช่วยให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะอยู่ในช่วงปลอดภัยจนหมดอายุ

จุดเด่นของกลยุทธ์

  • ได้รับ Premium สองฝั่ง (Call + Put) ➜ ช่วงกำไร (Profit Zone) กว้างกว่าการขาย Straddle
  • Theta บวก ➜ ได้กำไรจาก Time Decay ทุกวัน
  • เหมาะสำหรับตลาดนิ่ง หรือช่วงที่ IV สูงและคาดว่า Volatility จะลดลง
  • หากคุมความเสี่ยงดี ➜ เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการทำกำไรจาก “ความน่าจะเป็น” สูง

ข้อควรระวัง

  • ความเสี่ยงไม่จำกัด ➜ หากราคาวิ่งแรงเกิน Break-Even ทั้งสองฝั่ง
  • ต้องมีแผนการปรับสถานะ (Adjust), Roll หรือ Hedge ล่วงหน้า
  • ต้องหลีกเลี่ยงในช่วงที่มีข่าวสำคัญ เช่น Earnings, Fed Meeting
  • ต้องบริหาร Margin และ Stop-Loss อย่างเข้มงวด

Adjust a Short Strangle

หากราคาวิ่งใกล้ Strike ด้านใดด้านหนึ่ง ➜ สามารถทำการ Adjust เพื่อลดความเสี่ยงและรับ Credit เพิ่ม:

1. Adjust Down (ราคาลดลง - ฝั่ง Put ใกล้ขาดทุน)
  • Buy-to-close: Short Call @ $105
  • Sell-to-open: Call ใหม่ @ $100

Short Strangle Adjust Down

เพิ่ม Credit ➜ ขยาย Break-Even ด้านล่าง ➜ ลดกำไรสูงสุด แต่เพิ่มความปลอดภัย

2. Adjust Up (ราคาขึ้น - ฝั่ง Call ใกล้ขาดทุน)
  • Buy-to-close: Short Put @ $95
  • Sell-to-open: Put ใหม่ @ $100

Short Strangle Adjust Up

3. แปลงเป็น Short Straddle (หากราคา Break ขึ้นหรือลงชัดเจน)
  • Buy-to-close: Put หรือ Call ที่อยู่ไกลออกไป
  • Sell-to-open: Option ฝั่งเดียวกันที่ Strike เดียวกับที่ถูกท้าทาย

Short Strangle Adjust to Short Straddle

ขยาย Credit ➜ ขยาย Break-Even ➜ ความเสี่ยงสูงขึ้น ต้องควบคุมพอร์ตให้ดี


Rolling a Short Strangle

หากใกล้หมดอายุ และสถานะยังไม่เข้าเขตขาดทุน ➜ สามารถ Roll ไป Expiration ใหม่เพื่อรับ Credit เพิ่ม:

  • Buy-to-close: Strangle ปัจจุบัน (Call + Put)
  • Sell-to-open: Strangle ใหม่ที่ Strike เดิม แต่ Expiration ถัดไป

ตัวอย่าง:

  • เดิม: Call @ 105 / Put @ 95 ➜ รับ Credit $5
  • Roll ไปเดือนหน้า ➜ ได้ Credit เพิ่มอีก $1
  • Break-Even ใหม่: $89 และ $111

Short Strangle Roll


Hedging a Short Strangle

หากราคาวิ่งแรงเกิน Break-Even ➜ สามารถ Hedge โดยการซื้อ Option ฝั่งตรงข้าม:

Hedge ฝั่ง Put (ราคาลงแรง)
  • Buy-to-open: Long Put @ 90 ➜ กลายเป็น Credit Spread ฝั่งล่าง

Short Strangle Hedge Put Side

Hedge ฝั่ง Call (ราคาขึ้นแรง)
  • Buy-to-open: Long Call @ 110 ➜ กลายเป็น Credit Spread ฝั่งบน

Short Strangle Hedge Call Side


สรุป

Short Strangle เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความนิ่งของราคาและ Volatility สูง แต่ต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม พร้อมแผนปรับสถานะทุกกรณี