Strategies for High and Low IV
Strategies for High and Low IV
หลักการเลือกกลยุทธ์ตามระดับ Implied Volatility (IV)
- IV สูง: Options มี Premium แพง → เหมาะกับกลยุทธ์ Short Volatility (ขาย Premium)
- IV ต่ำ: Options มี Premium ถูก → เหมาะกับกลยุทธ์ Long Volatility (ซื้อ Premium)
การเข้าใจระดับ IV ช่วยให้เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสภาพตลาด และเพิ่มโอกาสทำกำไรได้อย่างเป็นระบบ
กลยุทธ์สำหรับ IV สูง
1. Short Straddle / Short Strangle
- ขาย Call และ Put พร้อมกันที่ Strike เดียวกัน (Straddle) หรือคนละ Strike (Strangle)
- ได้ Premium สูงมาก แต่เสี่ยงสูงหากราคาขยับแรงไปด้านใดด้านหนึ่ง
- ต้องมีแผนการตั้ง Stop-Loss หรือ Hedge เพิ่มหาก Breakout เกิดขึ้น
จังหวะเข้า:
- IV Rank/Percentile สูงเกิน 70%
- ไม่มี Event ใหญ่ที่กำลังจะเกิด เช่น Earnings, FOMC
2. Credit Spread (Bull Put / Bear Call)
- สร้าง Spread โดยขาย Option ใกล้ ATM และซื้อ Option ไกลออกไปเพื่อลดความเสี่ยง
- รับ Premium มากขึ้นในช่วง IV สูง แต่จำกัดขาดทุนได้ชัดเจน
- เหมาะกับตลาดที่ไม่ค่อยผันผวนมากและมี Bias เล็กน้อย
จังหวะเข้า:
- IV สูง
- ราคาสินทรัพย์ใกล้แนวรับหรือแนวต้านสำคัญ
3. Iron Condor
- รวมสองชุดของ Credit Spread (Bull Put + Bear Call) บน Underlying เดียวกัน
- รับ Premium สูงสุดเมื่อ IV สูง โดยหวังว่าราคาจะเคลื่อนในกรอบที่กำหนด
- ต้องระวัง Event-Driven Volatility ที่อาจทำให้ราคาทะลุกรอบ
จังหวะเข้า:
- IV Rank สูง
- ไม่มีข่าวใหญ่หรือประกาศสำคัญใกล้ถึง
- ราคาหุ้นอยู่ในช่วง Sideways
4. Ratio Spread (Short Vega Version)
- เช่น Short Put Ratio Spread ขายมากกว่าซื้อ (เช่น ขาย 2 ซื้อ 1)
- ได้ประโยชน์จาก IV สูง แต่มีความเสี่ยงหากราคาขยับแรงผิดทาง ต้องคำนวณ Risk/Reward ล่วงหน้า
จังหวะเข้า:
- IV สูงมากผิดปกติ (Extreme IV Spike)
- มองว่าตลาดจะนิ่งหรือกลับตัวจากภาวะตกใจ
กลยุทธ์สำหรับ IV ต่ำ
1. Long Straddle / Long Strangle
- ซื้อ Call และ Put พร้อมกันเพื่อเดิมพันว่าตลาดจะเคลื่อนแรงไม่ว่าทิศทางไหน
- IV ต่ำทำให้ Premium ถูก → กำไรหากราคาเคลื่อนแรงหรือ IV พุ่งขึ้น
- เสี่ยงจาก Time Decay ถ้าราคาไม่เคลื่อนเร็วพอ
จังหวะเข้า:
- IV ต่ำกว่า 20-30%
- มี Event ใหญ่ใกล้ถึง เช่น Earnings, FDA Approval, Merger News
2. Calendar Spread
- ซื้อ Option ระยะยาวและขาย Option ระยะสั้น Strike เดียวกัน
- ใช้ประโยชน์จาก Time Decay ของ Short-Term และคาดหวัง IV ของ Long-Term เพิ่มขึ้น
จังหวะเข้า:
- IV ของ Short-Term ต่ำมาก (Short-Term Cheap)
- มีโอกาสที่ IV จะกลับขึ้นในระยะยาว เช่นก่อน Earnings อีกหลายเดือน
3. Long Call / Long Put
- เลือกซื้อข้างเดียวเพื่อเดิมพันทิศทางราคาพร้อมหวัง IV เพิ่ม
- ต้นทุนต่ำกว่า Long Straddle แต่ต้องเดาทิศทางให้ถูก
- เสี่ยง Time Decay หากราคาไม่ขยับตามคาด
จังหวะเข้า:
- IV ต่ำ
- มีเทรนด์ชัดเจนกำลังก่อตัว เช่น Breakout จาก Pattern ใหญ่ (Cup & Handle, Triangle)
4. Diagonal Spread
- คล้าย Calendar Spread แต่เลือก Strike ที่ต่างกัน เพื่อปรับ Bias ของกลยุทธ์ (เช่น Diagonal Call Spread สำหรับ Bullish)
- ได้ประโยชน์ทั้งจาก Movement และ IV Expansion ของ Long-Term Option
จังหวะเข้า:
- IV ต่ำ
- ต้องการได้ประโยชน์ทั้งการขึ้นของราคาและ Time Decay ของ Option ระยะสั้น
ตัวอย่างการเลือกกลยุทธ์จริง
สถานการณ์:
- หุ้น XYZ มี IV Rank สูงเกิน 80%
Action:
- เปิด Iron Condor กว้าง รับ Premium สูงจากการขายทั้ง Call และ Put OTM
- ตั้ง Stop-Loss เผื่อกรณี Breakout ผิดทางแรง
สถานการณ์:
- หุ้น ABC มี IV Rank ต่ำกว่า 20%
Action:
- ซื้อ Long Straddle เพราะ Premium ถูก และมีแนวโน้ม Event ที่ทำให้เกิด Breakout เช่น Earnings หรือ FDA Approval
ระดับ IV เป็นตัวบอกสภาพแวดล้อมที่ควรเล่น “Short Volatility” หรือ “Long Volatility” เพื่อวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ
ความสัมพันธ์ระหว่าง IV และ Greeks
- เมื่อ IV สูง → Vega ของ Option สูง → ผลกระทบของ IV ต่อราคาจะรุนแรง
- เมื่อ IV ต่ำ → Vega ต่ำ → ราคา Option เคลื่อนตามราคาหลักทรัพย์มากกว่า
- การเล่นกับ IV ต้องบริหาร Vega, Delta และ Theta ควบคู่เสมอ
สรุป
- การเลือกกลยุทธ์ตามระดับ IV ช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการเทรด Options
- IV สูง → เน้นขาย Premium รับ Theta และหวัง IV ลดลง
- IV ต่ำ → เน้นซื้อ Premium ลุ้น Price Breakout และ IV Expansion
- ต้องควบคุมความเสี่ยงจาก Price Move, Time Decay และ Greek Risk อย่างรัดกุมในทุกกรณี